Thursday, November 5, 2009

EVENT

Travel

Floating Market

ภาพบรรยากาศ ลานเบียร์ Heineken 2009


Heineken Greenspace by GREYHOUND 2009

สมกับ Concept Galleria กับ งานอาร์ตระดับโลก ใต้ชื่อ The New Masterpiece

ดื่มด่ำกับเบียร์รสชาติเยี่ยม บนตึกสูง อากาศหนาวๆ คอเบียร์ทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง




]











คอนเสิร์ตรับลมหนาว

คอนเสิร์ตรับลมหนาว            
       เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา- วันที่ 28 พฤศจิกายน 2009 ที่ โบนันซ่า เขาใหญ่ พบกับคอนเสิร์ต Winter Fest#4
      
       ปาย จ.แม่ฮ่องสอน – วันที่ 28 พฤศจิกายน 2009 ที่บุระลำปายรีสอร์ท พบกับ คอนเสิร์ตกีตาร์ ปาย ปิ่นโต
      
       หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ - วันที่ 28 พฤศจิกายน 2009 ที่ไพล์มเนเจอร์ หัวหิน พบกับ สีฟ้า มิวสิก ออน เดอะ บีช
      
       มวกเหล็ก จ.สระบุรี – วันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2009 ที่ อสค.มวกเหล็ก พบกับ เทศกาลหนัง ดนตรี ปาร์ตี้ คาวบอย 2009 7 สิงห์แดนเสือ ปะทะ คาวบอยเร็กเก้
      
       ปากช่อง จ.นครราชสีมา - วันที่ 5-6 ธันวาคม 2009 ที่ไร่สุวรรณ พบกับ ‘ดี้-บอย ป๊อป เฟสท์’
      
       ปาย จ.แม่ฮ่องสอน – วันที่ 25 - 26 ธันวาคม 2009 ที่ร้านคอฟฟี่ อิน เลิฟ พบกับ 
"ช้างอินเลิฟแอท"ฯลฯ

      

Monday, October 26, 2009

เกาะเกร็ด นนทบุรี

เกาะเกร็ด ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมสำคัญ ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เป็นเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยาใน จ.นนทบุรี เปนที่อยู่ของชุมชนชาวไทยชาวมอญ ซึ่งสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่ย้ายมาตั้งรกรากนับตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี และต้นกรุงรัตนโกสินทร์



เจดีย์ริมน้ำ วัดปรมัยยิกาวาส

เกาะเกร็ด มีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ วัดปรมัยยิกาวาส วัดสำคัญของชุมชนบน เกาะเกร็ด มีพระเจดีย์ทรงมอญที่จำลองมาจากเมืองหงสาวดี  หากเดินเลาะไปบนเกาะเกร็ด จะได้เห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวมอญที่มีเอกลักษณ์ เช่น การทำเครื่องปั้นดินเผาที่ละเอียดปราณีตและงดงาม  ซึ่งสามารถแวะดูได้ที่ กวานอาม่าน ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ ที่จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผามอญลายโบราณ และข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งเปิดให้ชมทุกวัน โดยตามสองข้างทางคุณอาจได้เห็นการปั้นและการแกะลายเครื่องปั้นดินเผาที่ชาวบ้านหลายครัวเรือนยังคงทำเป็นอาชีพสืบมา


เมื่อมาเยือนแหล่งวัฒนธรรมชาวไทยมอญทั้งที ควรที่จะลิ้มลองอาหารมอญที่มีขายอยู่บนเกาะเกร็ด อย่างทอดมันหน่อกะลา ซึ่งมีส่วนผสมของหน่อกะลาอันเป็นพืชสมุนไพรตระกูลขิง อันเป็นผักพื้นเมืองบนเกาะเกร็ด ที่หลายร้านทำขายให้เลือกชิม


การเดินทาง

การเดินทางมายังเกาะเกร็ดทางเรือนั้น สามารถลงเรือข้ามฟากได้สองท่า คือท่าเรือวัดสนามเหนือ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาท่าน้ำปากเกรดนัก หรือว่าจะใช้ท่าเรือวัดกลางเกร็ด โดยมีบริการตลอดวัน ระหว่าง 05.00 - 21.30 น.




Tuesday, October 20, 2009

ตารางลานเบียร์ Central world 2009

Update! ตารางของจริง
 

เบียร์ช้าง Central World 2009

Refreshing The Night

Indy of The Month

5/11/52     Tattoo
10/11/52    Mild
12/11/52    Scrubb
17/11/52    Play Ground
19/11/52    Rich Man Toy
24/11/52    Thaitanium
26/11/52     ก้านคอคลับ

Rock of The Month

1/12/52     พงพัฒน์
3/12/52      ติ๊ก ชิโร่
8/12/52      Silly Fools
10/12/52    ดาเอนโดฟิน
15/12/52    Potato
17/12/52    Clash
22/12/52    หนุ่ย ไมโคร
24/12/52    เสก โลโซ
28/12/52    Kala
29/12/52    Big Ass
30/12/52   So Cool
31/12/52   Body Slam

Federbrau

Central World 2009

Pump up your life
4/11/52      Lipta
11/11/52    Ben Chalatit
18/11/52    Lydia
25/11/52   บอยพีซ เมคเกอร์
2/12/52    มาช่า
5/12/52    Ice
9/12/52    Moderndog
12/12/52  Cresendo
16/12/52  บี พีรพัฒน์
19/12/52  Mild
23/12/52  Scrubb
26/12/52  Nuvo
28/12/52  Stamp
29/12/52  Friday + บอยไตร
30/12/52  โป้ โยคี
31/12/52  โก้ + คิ้ม


ส่วนปีนี้ Heineken ยึดทำเลสุดหรู ด้านบนของ Zen, Central World 18-20 ทำพื้นที่ลานเบียร์สีเขียว Greenspace Concept Galleria กับ งานอาร์ตระดับโลก ใต้ชื่อ The New Masterpiece ถ้ามีตารางคอนเสิรต์มาใหม่ จะรีบมา update กันให้ทันที

ภาพบรรยากาศลานเบียร์ Heineken

ตารางคอนเสิร์ต ลานเบียร์ hineken 2009
























แก้ไขตารางคอนเสริต์ลานเบียร์สิงห์ เดือนพฤศจิกายน 2009














เพิ่มเติม ตารางลานเบียร์ ของ เบียร์ Tiger กับ  เบียร์ สิงห์ ล่าสุดให้แล้วนะครับ

Saturday, October 3, 2009

คุณเสือหมูกระทะ สนามเป้า




วันนี้เปลี่ยนแนวพาไปชิมของอร่อยๆ กัน ร้านนี้มีชื่อว่า "คุณเสือหมูกระทะ" สาขาสนามเป้า หลายๆ คนคงคุ้นชื่อนี้ดี ถ้าเคยไปทานที่สาขาตลาดพูล ใกล้ๆ เดอะมอลล์ท่าพระ จะติดใจในรสชาติ ของหมูกระทะเจ้านี้ดี แต่วันนี้ที่เราจะพาไปชม เป็นสาขาน้องใหม่ เพิ่งเปิดไปเมื่อวันที่ 28 กย.2552 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งสาขานี้อยู่ตรงสนามเป้า ติดกับที่ทำการไปรษณีย์สนามเป้า ก่อนถึงปากซอยราชครู ร้านจะอยู่ติดริมถนนเลย เมื่อก่อนที่ตรงนี้ ก็เคยเป็นร้านหมูกระทะ ชื่อว่าร้าน "บุญชูหมูกระทะ" และได้เลิกกิจการไปเมื่อไม่นาน หลังจากเปิดมานานหลายปี
อ่านเพิ่มเติม »



จุดเด่นของร้านนี้คือ วัตถุดิบที่นำมาใช้ เป็นของสดใหม่เสมอ และน้ำจิ้มสูตรเด็ด ซึ่งใครที่เคยทานที่ตลาดพูล(สาขา 2) และวัดสิงห์ (สาขา1) ก็คงจะติดใจ แวะกลับมาทานอีกเรื่อย















บรรยากาศในร้านค่อนข้างโปร่ง เนื่องจากเต้นท์หลังคาค่อนข้างสูง ที่นั่งมีที่พนักพิงนั่งได้สบาย พอดีบังเอิญที่ทำงานของผมอยู่ใกล้ๆ ร้านนี้ เลยได้ทราบว่า มีร้านหมูกระทะมาเปิดใหม่ เนื่องจากเคยไปทานสาขา 2 ที่ตลาดพูลหลายครั้ง เลยติดใจในรสชาติ และความสดของ เนื้อที่เอามาย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ หมู เนื้อวัว ปลาหมึก กุ้ง ล้วนแล้วแต่คงความสดใหม่ตลอดเวลา หมูหมักที่ร้านนี้มีหลากหลายสูตร แนะนำให้ลองไปทานกันแล้วจะติดใจ น้ำจิ้มก็มีอยู่ 3 อย่างคือ แบบเผ็ด แบบหวาน และน้ำจิ้มซีฟู๊ด ไว้จิ้มกับกุ้ง กับปลาหมึก วันที่ผมไปเป็นวันศุกร์พอดี เลยนั่งทานได้ไม่ต้องกังวลนัก






ถ้าตักกุ้งมา จะมีพนักงานที่ร้านให้บริการ ปิ้งกุ้งให้ พอสุกแล้วก็จะเอาไปเสริฟ์ให้ที่โต๊ะ โดยไม่ต้องปิ้งเองในกระทะให้ยุ่งยาก (เสียดายที่ตัวผมเองเป็นคนไม่ชอบแกะเปลือกกุ้ง เลยต้องวอนให้เพื่อนที่ไปด้วยแกะให้ เพราะฉะนั้นจึงได้ทานเพียงไม่กี่ตัว)





กุ้งที่ร้านนี้สดจริงๆ ขอคอนเฟริม์ เนื้อแน่น ไม่มีร่วน รสชาติออกหวานๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด อร่อยสุดๆ เสียดายแกะเปลือกยากไปหน่อยครับ








ของหวานร้านนี้ก็มีน้ำแข็งใส กับ สลัดผัก สามารถตักไปรับประทานที่โต๊ะ นอกจากนี้ยังมีของทานเล่น เช่น ซาลาเปา (หมดเร็วมาก) ส้มตำปู (รสชาติจัด) และอีกหลายๆ อย่างซึ่งผมไม่ได้ทาน เนื้อจาก ทานเนื้อหมูกับไก่เข้าไปเยอะ จนอิ่มแปร้ เลยได้ทานไม่ครบ เนื้อหมูหมักที่ร้านนี้มีหลายสูตรจริงๆ ลองไปทานกันดูนะครับ แล้วจะติดใจเหมือนผมกับเพื่อนๆ



สถานที่ตั้ง
ถ้ามาจากอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้เลี้ยวไปทางเส้นพหลโยธิน อยู่ช่วงประมาณพหลโยธินซอย 2 ร้านจะอยู่ติดกับที่ทำการไปรษณีย์สนามเป้า ก่อนถึงปากซอยราชครู สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวไปจอดที่ร้านได้ ถ้านั่งรถเมล์มาก็ลงตรงป้ายรถประจำทางปากซอยราชครูแล้วเดินย้อนกลับมา รถประจำทางสายที่ผ่าน 8,28,ปอ.157,ปอ.9 ฯลฯ


คะแนน
ความสะอาดภายในร้าน 4/5
รสชาติ 5/5
ความสดของวัตถุดิบ 5/5
ราคาปกติท่านละ 99 บาท ช่วงนี้เปิดร้านใหม่ ราคา 89 บาท เด็ก 59 บาท เด็กเล็ก 39 บาท

Wednesday, September 23, 2009

ตลาดโก้งโค้ง


ตลาดโบราณย้อนยุคในอาคารลักษณะเป็นบ้านเรือนไทยหมู่ใหญ่ เพื่อคงความเป็นสถาปัตยกรรมไทยโบราณ และให้เราสามารถสัมผัสกับบรรยากาศเก่าๆ แบบสมัยกรุงศรีอยุธยาได้ โดยจำลองวิถีชีวิตของไทยในอดีตที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เนื่องจากบ้านแสงโสม ในอดีตเป็นด่านขนอน (ด่านเก็บภาษีในอดีต) และเป็นสถานที่ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้านานาชนิด ทั้งที่เป็นสินค้าชุมชน และสินค้าที่มาจากต่างเมือง และที่เรียกชื่อว่า "ตลาดโก้งโค้ง" นั้นเป็นการนำคำที่ใช้เรียกตลาดสมัยโบราณที่อยู่คู่กับกรุงศรีอยุธยามานาน
โดยพ่อค้าแม้ค้าจะนั่งขายของอยู่บนพื้นดิน คนที่มาเลือกซื้อสินค้าจะต้อง "โก้งโค้ง" เพื่อเลือกดูสินค้าที่สนใจ โดยอากัปกริยาโก้งโค้งของคนไทยนั้น ทำได้สุภาพ นุ่มนวล เป็นกิริยาที่แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน ของขายในตลาดแห่งนี้ มีพืช ผัก ผลไม้ปลอดสารพิษจากสวนชุมชน สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารคาว-หวานนานาชนิด มีมุมขายอาหารให้นั่งรับประทาน ส่วนที่เดินซื้และต้องโก้งโค้งก็มีพวกขนมโบราณ อย่างขนมบ้าบิ่น ขนมเบื้อง ขนมถ้วย เป็นต้น

ตลาดโก้งโค้ง บ้านแสงโสม
เปิดวันพฤหัส - อาทิตย์ เวลา 9.00-16.00น. เดินทางมาบนถนนสายเอเซีย (ทางหมายเลข 32) เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอบางปะอิน ตรงไปถึงสี่แยกไฟแดง แล้วเลี้ยวขวา (บางปะอินสายใน) ผ่านสถานีรถไฟบางปะอินตรงต่อไปอีกประมาณ 8 กิโลเมตร

ข้อมูลการเดินทาง
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้หลายเส้นทางดังนี้
1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32
เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 309 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ) หรือทางหลวงหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน)
เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) แล้วข้ามสะพานนนทบุรีหรือสะพานนวลฉวี
ไปยังจังหวัดปทุมธานีต่อด้วยเส้นทาง ปทุมธานี-สามโคก-เสนา (ทางหลวงหมายเลข 3111) เลี้ยวแยกขวาที่อำเภอเสนา
เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3263 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

3. ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี ทางหลวงหมายเลข 306 ถึงทางแยกสะพานปทุมธานี
เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 347 แล้วไปแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 3309 ผ่านศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
อำเภอบางปะอิน เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

รถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทุกวัน วันละหลายเที่ยว โดยออกจากสถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยาและรถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 กรุงเทพฯ-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร-พระนครศรีอยุธยา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0-2936-2852-66 หรือที่เว็บไซต์ www.transport.co.th
โทร. 0-3572-8286,08-9107-8443

ค่ายบางกุ้ง,โบสถ์ปรกโพธิ์

เมื่อสองร้อยกว่าปีเศษ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมด้วยเหล่าทหารหาญได้ประกอบวีรกรรมทหารกล้า ได้ต่อสู้พม่าข้าศึก ที่รุกรานประเทศไทยจนได้รับชัยชนะในการรบที่ค่ายบางกุ้ง มีผลดีต่อชาติไทยหลายประการ ที่สำคัญยิ่งคือขวัญ และกำลังใจของคนไทยที่เกือบจะสูญสิ้นไปกับการสูญเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่ พม่าในปี 2310
การรบชนะพม่าที่ค่ายบางกุ้ง เมื่อปี พ.ศ.2311 (เป็นสงคราครั้งแรกที่ไทยรบกับพม่า ภายหลังจากที่สมเด็จพระจ้าตากสินมหาราช สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ทำให้ขวัญและกำลังใจของคนไทยกลับคืนมา



สถานที่ตั้ง ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
เป็น ค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ค่ายบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุ้ง" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ายบางกุ้งก็ร้างไป จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุง ธนบุรี เป็นราชธานีจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี รวบรวมผู้คนมาตั้งกองทหารรักษาค่าย จึงมีชื่อเรียกอีกหนึ่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรีมาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรี (บุญมา) เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเหลือทหารจีนขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย หลังจากนั้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึง พ.ศ.2510 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น (ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว) และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์
สิ่งที่น่าสนใจ
โบสถ์ปรกโพธิ์ เป็น อุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่าง มองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังให้ความขรึมขลังอีกด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า "โบสถ์ปรกโพธิ์" และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
วัดบางกุ้ง เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน อยู่คนละฝั่งกับค่ายบางกุ้งโดยมีถนนผ่านกลาง สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ได้แก่ คัมภีร์โบราณ ส่วนมากจะเป็นตำรายาโบราณ และบริเวณหน้าวัดด้านที่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง จะมีปลาน้ำจืดต่างๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่า "วังมัจฉา"

การเดินทาง
• ทางรถยนต์
จาก ตัวเมืองสมุทรสงคราม ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 325 (แม่กลอง-อัมพวา) ประมาณ 5 กม. เลยวัดบางกะพ้อม (ยังไม่ถึงตลาดอัมพวา) ให้สังเกตทางแยกซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง(สะพานสมเด็จพระศรีสุริเยนทร์) ตรงไปถึง ถึงสามแยกเลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดภุมรินทร์ จนถึงสามแยก (มีวัดบางแคใหญ่อยู่ขวามือ) เลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดบางแคน้อย วัดปากน้ำ ข้ามสะพานคลองแควอ้อม สังเกตค่ายบางกุ้งอยู่ซ้ายมือ จะเห็นแนวกำแพงของค่าย
• รถประจำทาง
จาก ตัวเมืองสมุทรสงคราม นั่งรถโดยสารสองแถว สายแม่กลอง-วัดปราโมทย์ คิวรถอยู่บริเวณธนาคารนครหลวงไทย สาขาสมุทรสงคราม รถจะวิ่งผ่านค่าย

Thursday, September 17, 2009

ตลาดน้ำบางคล้า

อำเภอบางคล้าตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดฉะเชิงเทรามีลักษณะเด่นเป็นเมืองสองน้ำ อันเกิดจากการรุกล้ำของน้ำทะเลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับความเค็มของน้ำในแม่น้ำแถบนี้ตลอดมา จึงมีระบบนิเวศน์ทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดริมแม่น้ำบางปะกงชาวบ้านส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำแห่งนี้มาอย่างยาวนาน ตัวตลาดอยู่ในโป๊ะริมน้ำ คล้ายกับตลาดน้ำบางเลน นครปฐม และตลาดน้ำตลิ่งชัน





เมื่อผ่านเข้ามายังตัวอำเภอบางคล้า อย่าพลาดไปชม ค้างคาวแม่ไก่ที่วัดโพธิ์ ในวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จากนั้นแวะไปไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในบางคล้า ได้แก่ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน ศาลหลักเมืองบางคล้า วัดแจ้ง วัดปากน้ำโจโล้ และสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน


ยามบ่ายขับรถออกนอกตัวอำเภอบางคล้าไปเล็กน้อย ไปชิมน้ำตาลสด ณ หมู่บ้านน้ำตาลสด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโดยตรง ชมกรรมวิธีการผลิต และซื้อหาผลผลิตที่ชาวบ้านทำมาขายเรียงรายสองฝั่งถนนบริเวณหมู่บ้าน ทั้งน้ำตาลสด น้ำตาลงบ และขนมจาก ถัดจากหมู่บ้านน้ำตาลสดข้ามสะพานแม่น้ำบางปะกงไปอีกไม่ไกลจะถึง สวนปาล์มฟาร์มนก แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ เป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงนกแก้วหลากหลายสายพันธุ์ รวมทั้งนกกระตั้ว นกมาคอว์ ที่มีสีสันสวยงาม ด้านหน้าสวนจัดทำเป็นห้องนิทรรศการแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับนกแก้ว มีสวนปาล์มประดับที่สวยงามแปลกตา อาทิ อ้ายหมีมาโค มูลิไอ เบลียาน่า ฯลฯ จะเดินชมหรือเช่าจักรยานเที่ยวรอบสวนก็ได้ เปิดให้ชมทุกวันเวลา 9.30 – 16.30 น. จากนั้นเดินทางต่อไปตามป้ายที่มีติดไว้เป็นระยะ จะถึง คุ้มวิมานดิน ที่นี่เป็นอาณาจักรเครื่องปั้นดินเผา ในสวนธรรมชาติ มีของตกแต่งบ้านของฝากไอเดียเก๋น่ารักให้เลือกซื้อมากมาย แวะหามุมโปรดนั่งพักผ่อนจิบกาแฟ หรือจะแวะไปชมบ้านดิน หรือทดลองปั้นดินด้วยตนเอง เปิดให้เที่ยวชมเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดตามเทศกาล



ตลาดน้ำบางคล้า

ที่ตั้ง หน้าที่ว่าการ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา

เปิด 08.00-18.00 น. เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

แผนที่การเดินทาง

การเดินทาง โดยใช้เส้นทางด่วนขั้นที่ 2 หรือทางด่วนศรีรัช ต่อด้วยมอเตอร์เวย์ ไปออกที่ฉะเชิงเทราเข้าถนน 304 ผ่านโรงงานโตโยต้าจนไปเลี้ยวขวาที่แยกซึ่งมีป้ายบอกทางไปพนมสารคาม วิ่งต่อไปอีก 19 กม.ก็จะถึงสี่แยกบางคล้า เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 6 กม. ก็ถึงตลาดน้ำบางคล้าซึ่งอยู่ริมฝั่งหน้าอำเภอ

ตลาดบ้านใหม่ ตลาด 100 ปี



ตลาดบ้านใหม่ ตลาดที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เป็นชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดฉะเชิงเทราที่มีวิถีชีวิตเดิมที่โดด เด่นที่แตกต่างจากชุมชนอื่น ๆ นั้นคือ บ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสถานที่ถ่ายภาพยนต์และละครย้อนยุคของชุมชนชาวจีน เช่น อยู่กับก๋ง นางนาค เจ้าสัวสยาม ร้านขายของและร้านอาหารที่มีความหลากหลาย เป็นที่รวบรวมอาหารรสเด็ดของแปดริ้ว ทั้งอาหารจีน อาหารไทย มีร้านกาแฟโบราณรสชาติเข้มข้นหอมหวาน เป็นที่รวบรวมของฝากที่ต้องแวะซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน



เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่พร้อมให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมวิถีชีวิต ย้อนยุค เลือกชิมอาหารรสอร่อย เลือกซื้อของฝากจากแปดริ้ว ในช่วงแรกจะเปิดให้เที่ยวชมเฉพาะในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพ ฯ สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง (1) ใช้ถนนหมายเลข 304 มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา
(2) ใช้ถนนหมายเลข 34 บางนา – ตราด เลี้ยวเข้าถนนหมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา
(3) ใช้ถนนหมายเลข 3 สมุทรปราการ – บางปะกง แล้วต่อด้วยถนนหมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา,
(4) ใช้ถนนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ ฯ – พัทยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา
รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพ ฯ มีรถประจำทางออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (ถนนกำแพงเพชร 2) และสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) รถไฟ (หัวลำโพง) มีขบวนรถไฟมาฉะเชิงเทราทุกวัน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยรถสาธารณะ จะมีรถโดยสารเล็กจากสถานี สายรอบเมืองวิ่งผ่านวัดโสธร วรารามวรวิหารหรือตลาดสามารถเลือกและเดินทางได้สะดวกสบาย

Wednesday, September 16, 2009

ตลาดน้ำวัดท่าการ้อง Thakarong Floating market


ตลาดน้ำแห่งใหม่บนแพที่ท่าริมน้ำเจ้าพระยาของวัดท่าการ้องซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา เป็นวัดพุทธท่ามกลางชุมชนอิสลาม 2 หมู่บ้าน คือ บ้านท่ากับบ้านการ้อง


Floating market a new platform on the waterfront pier of the Chao Phraya is Wat Tha karong that the old temple. To Ayutthaya period. A Buddhist temple among the Islamic community village is ban tha and ban karong


















บริเวณวัดตกแต่งสวยงามมีระเบียบ รวมทั้งห้องน้ำที่ได้รับรางวัลชนะเลิศประกวดสุดยอมส้วมแห่งปีระดับประเทศ นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นามว่า "พระพุทธรัตนมงคล" (หลวงพ่อยิ้ม) มีพุทธลักษณะงดงาม บริเวณวัดมีรูปปั้นเณรดินเผาใส่แว่นตาและหมวกของคนที่มาไหว้พระแล้วลืมไว้ ช่วยเรียรอยยิ้มจากผู้แวะมาได้ไม่น้อย


Beautifully decorated temple area orderly. And bathrooms have won the competition last year, a national settlement of the closet. Popular tourist to visit worship Buddha that holy name "Buddha Ratana Mongkol" (father smiling) Buddha nature is beautiful. Temple area is clay sculpture neophyte glasses and a hat of his people to respect it, then forget. Maria smiles helped by the visit not less.


ของขายในตลาดเป็นพวกของกินหลายกหลายชนิด ทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวผัด ของกินเล่น เช่นก๋วยเตี๋ยวหลอด สั้มตำสมุนไพร ไก่ทอดข้าวเหนียว ลูกชิ้นปิ้ง ขนมตาล และอย่าลืมแวะชิมแกแฟโบราณในเรือกาแฟคุณพระนาย ที่มีเครื่องดื่มให้เลือกเยอะ และชื่อเมนูเรียกแบบสมัยก่อนให้สั่งใส่กระบอกไม้ไผ่ชื่นใจ


In the market have many kinds To eat. Noodles and fried rice. noodles tube. Fried chicken meat ball sticky rice dessert course tasting sugar and do not forget to visit the ancient Coffee . Select a beverage to much. And called a Old name of the menu Order to Insert the bamboo buoyant.


ส่วนที่จะให้แสดง


เปิดทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
Open every Saturday - Sunday and public holidays.


วัดท่าการ้อง อยู่ฝั่งเดียวกับวัดกษัตริย์ตราธิราชวรวิหาร โทร.ติดต่อสอบถามวัดท่าการ้องได้ที่
Tel. Contact. 035-323-088, 035-211-074


Monday, September 14, 2009

ตลาดสามชุก samchuk




“สามชุก เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดย ในอดีตสามชุกคือแหล่งที่ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติทั้งไทย จีน มอญ ฯลฯ มามีสัมพันธ์ต่อกันในลักษณะของการแลกเปลี่ยน และซื้อขายสินค้า จนพัฒนาไปสู่ การลงหลักปักฐาน สร้างเมืองที่มั่นคงขึ้นมาตาม ประวัติของเมืองสามชุก กล่าวไว้ว่า ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2437 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เดิมชื่ออำเภอ “นางบวช” ตั้งอยู่บริเวณ ตำบลนางบวช โดยมีขุนพรมสภา (บุญรอด) เป็นนายอำเภอคนแรก ซึ่งยังมีภาพถ่ายปรากฎอยู่จนถึงปัจจุบัน ต่อมาในปี 2457 ต้นรัชกาลที่ 6 ได้ย้ายอำเภอมาตั้งที่บ้าน “สำเพ็ง” ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญในสมัยนั้น จนกระทั่งปี 2481 สมัยรัชกาลที่ 8 ได้เปลี่ยนชื่อจาก “อำเภอนางบวช” มาเป็น “อำเภอสามชุก” และย้ายมาตั้ง อยู่ริมลำน้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ซึ่งแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผ่านคลอง มะขามเฒ่า แต่เดิมบริเวณที่ตั้งอำเภอสามชุกเรียกว่า “ท่ายาง” มีชาวบ้านนำของป่าจากทิศตะวันตกมาค้าขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ บ้างก็มาจากทางเหนือ บ้างก็มาจากทางใต้ เป็น 3 สาย จึงเรียกบริเวณที่ค้าขายนี้ว่า “ สามแพร่ง “ ต่อมาได้เพี้ยน เป็น สามเพ็ง และสำเพ็งในที่สุด ดังปรากฎหลักฐานกล่าวไว้ในนิทานพื้นบ้านย่านสุพรรณมีเรื่องกล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่คนมารอขายสินค้าก็ได้ตัดไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของขาย เรียกว่า “กระชุก” ชาวบ้านจึงเรียกว่า “สามชุก” มาถึงปัจจุบัน อำเภอสามชุกเดิมมีพื้นที่ 774.9 ตารางกิโลเมตร ต่อมาในปี 2528 ได้มีการตั้งอำเภอหนองหญ้าไซ จึงแบ่งบางส่วนออกไป ยังคงเหลือเพียง 362 ตารางกิโลเมตร












การเดินทางด้วยรถยนต์การเดินทางด้วยรถยนตร์ สู่ตลาดสามชุก จากกรุงเทพฯ ผ่าน อ. บางบัวทอง จ. นนทบุรี ไปจนถึงตัว จ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 107 กม. จากนั้นไปตามหลวงหมายเลข 340 แยกเข้า อ. สามชุก ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก

ภาพยนตร์


สามชุก Sam Chuk (แปซิฟิคไอร์แลนด์ ฟิลม์)


กำหนดฉาย : 5 สิงหาคม 2552


แนว : ดราม่ากำกับ : ปื๊ด - ธนิตย์ จิตนุกูล


เรื่องย่อ สามชุก ท่ามกลางปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างหนักไปทั่วทุกท้องที่ของประเทศ รวมถึงชุมชนเล็กๆ อย่างอำเภอ สามชุก เด็กนักเรียน 7 คน ที่ชีวิตกำลังอยู่ในวัยสดใส สนุกสนาน มีความฝันและความรัก แต่วันนี้พวกเขาต่างต้องเผชิญกับปัญหา โดยแต่ละคนไม่สามารถหาทางออกได้ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พวกเขากำลังตกนรกทั้งเป็นด้วยการถลำลึกไปกับวังวนของยาเสพติด สังคมรุมประณาม เด็กที่กำลังหลงทาง ครูธรรมดาคนหนึ่งกล้าที่จะลุกขึ้นประกาศกับสังคมว่าเด็กทั้ง 7 เป็นเพียงเหยื่อของความเสื่อมในสังคมเท่านั้น ครูผู้นี้ได้ต่อสู้เคียงข้าง และพยายามเข้าถึงปัญหาของเด็กแต่ละคน ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะนำพาเด็กทั้ง 7 คนลุกขึ้นยืนได้ใหม่อีกครั้ง นี่คือการตีแผ่เรื่องจริงในซอกมุมเล็กๆ มุมหนึ่งในสังคมไทย ของครูกับลูกศิษย์อีก 7 คน ที่ปลุกกระแสชุมชนให้ลุกฮือขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยนำเสนอผ่าน อำเภอ สามชุก เนื่องจากพิษภัยของมันนั้นมหาศาลนัก นอกจากทำให้ผู้เสพได้รับความทุกข์ทรมานแล้ว ยังเป็นที่มาของการก่ออาชญากรรมขั้นรุนแรงด้วย









Thursday, September 10, 2009

Taling Chan Floating Market Pic (รูปตลาดน้ำตลิ่งชัน)

ตลาดน้ำตลิ่งชัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2530 โดย นายประชุม เจริญลาภ ผู้อำนวยการเขตตลิ่งชันในสมัยนั้นเป็นผู้คิดริเริ่ม เดิมมีวัตถุประสงค์ที่จะจัดทำเป็นตลาดศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ และผลิตผลทางการเกษตร ทางประชาคมตลาดน้ำตลิ่งชัน ได้ มีแนวความคิดที่จะปรับเปลี่ยนให้เป็นตลาดน้ำ เพื่อการค้าขายสินค้าต่างๆ ที่เป็นภูมิปัญญาของชาวตลิ่งชัน เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว เนื่องจากเขตตลิ่งชันนั้นมีร้านก๋วยเตี๋ยวมาก จึงได้มีการทำแพไม้ไผ่ขึ้นก่อน 5 แพ และในปี พ.ศ.2542 พัฒนามาเป็นแพเหล็ก 11 แพ ปัจจุบันตลาดน้ำตลิ่งชัน มีการค้าขายสินค้าต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีการท่องเที่ยวทางเรือไปทางสวนกล้วยไม้ สยนเพาะพันธุไม้ สวนงู ที่ปากน้ำภาษีเจริญ มีการนำชมสวนผลไม้ตามฤดูกาล และมีการจัดเทศกาลงานประเพณีต่างๆ อยู่เสมอ







STARTING FROM 1987 MR.PRACHUM CHAROENLAP TALINGCHAN DISTRICT DIRECTOR AT THAT TIME HAS INITIATED THE PROJECT AMIMING TO CREATE A MARKETPLACE FOR AGRICULTURAL PRODUCTS WHICK WERE ABUNDANT IN THE SURROUNDING AREA. THEN THE MARKET WAS TRANSFORMED INTO A FLOATING MARKET BEGINNING FROM THE CONSTRUCTION OF 5 BAMBOO RAFTS TO SELL FOODS AND NOODELS IN 1999, AND BEING GRADUALLY DEVELOPED TO THE PRESENT DAY OF 11 IRON FLOATS BOAT EXCURSIONS TO VISIT ORCHID FARMS, FLOWER NURSERIES, OR SNAKE FARMS IN PHASI CHAROEN CANAL ALSO ARE AVAILABLE FOR THE TOURISTS.


ที่นี่จะมีสวนหย่อมสำหรับนั่งพักผ่อน และมีเวทีโชว์ร้องเพลงลูกทุ่ง สามารถซื้อของไปนั่งทานที่สวนหย่อมได้เหมือนกัน บริเวณทางเข้าเขตตลิ่งชัน 2 ข้างทาง ก็มีอาหารขาย และ ผลิตผลทางการเกษตร มาขายด้วย
และหากมาที่ตลาดน้ำแห่งนี้แล้วละก็ ไม่ควรพลาดที่จะลงมาที่โป๊ะริมน้ำ เพื่อสั่งอาหารมารับประทาน พร้อมชมวิวไปด้วย



เลือกนั่งได้ตามสบาย มีอยู่ทั้งหมด 11 โป๊ะ อาหารอร่อยทุกอย่าง


ขนมจีนเจ้านี้เคยออกรายการเปรี้ยวปากทาง ช่อง 3 มาแล้ว


ส้มปูรสจัดจ้าน น่าอร่อยเชียว


ผัดไทยกุ้งสด



ชาวต่างชาติที่ชอบความเป็นส่วนตัวมักจะเหมาเรือทั้งลำ นั่งชมคลองชักพระ



แม้ค้านั่งย่างกุ้ง



อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็ต้องเป็น กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ครึ่งโล 150 บาท หรือจะสั่งแค่ 100 บาทก็ได้
นอกจากนี้ยังมีปูเผา หอยแครงลวก และที่เด็ดสุดคือ ปลาช่อนเผานี่แหละ ที่เห็นสั่งกันแทบทุกคนที่มา




เรือลำนี้ขายพวกยำ เช่นยำสามกรอบ ยำวุ้นเส้น




การเดินทาง
ตลาดน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณเขตตลิ่งชัน เข้าทางเส้นจรัญสนิทวงศ์ สามารถเข้าได้ 2 ทางคือ ทางรถไฟบางขุนนนท์ หรือ จะเข้าทางบางขุนนนท์ก็ได้ มีรถ 2 แถวให้ขึ้นตรงแม็คโครจรัญ ค่าโดยสารเพียง 5 บาทเท่านั้น โดยนั่งไปลงที่เขตตลิ่งชันได้เลย

แผนที่ ตลาดน้ำตลิ่งชัน